วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560

ภารกิจพิเศษวิเคราะห์วรรณกรรมอีสานเรื่อง ท้าวก่ำกาดำ

ภารกิจพิเศษวิเคราะห์วรรณกรรมอีสานเรื่อง ท้าวก่ำกาดำ
บทที่ 1
สรุปเนื้อหานิทาน เรื่องท้าวก่ำกาดำ
          แต่ก่อนนานมาแล้ว มีผัวเมียที่ยากจนมากครอบครัวหนึ่ง แต่งงานมา 7 ปี ไม่มีลูกจึงขอลูกจากพระอินทร์ พระอินทร์จึงประทานลูกให้เป็นชาย ก่อนท้องแม่ฝันว่ามีลูกแก้วสีดำตกเข้าปาก ลูกแก้วลอยหนีไปส่งแสงสว่างไปทั่ว เมื่อตั้งท้องเกิดลูกเป็นชายตัวดำเหมือนการูปชั่วตัวดำใครๆ ก็หัวเราะเยาะ แม่ไม่ยอมเลี้ยงเพราะอับอายจึงเอาไปล่องแพทิ้ง
ท้าวก่ำกาดำลอยอยู่ในน้ำเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ก็มาถึงหาดทรายแห่งหนึ่ง พระอินทร์เล็งเห็นว่าลำบากเลยให้กาดำมาช่วยพาไปไว้เมืองเมียท้าว ท้าวก่ำกาดำเลยหาผลไม้กินเป็นอาหาร ยายย่ามาพบเข้าจึงเอาไปเลี้ยงไว้
 วันหนึ่งท้าวก่ำกาดำช่วยยายย่าร้อยดอกไม้มาลัยได้สวยงามมาก ยายเอาไปถวายธิดากษัตริย์ชื่อนางลุน นางลุนก็อยากเห็นตัวคนร้อยมาลัย วันหนึ่งท้าวก่ำกาดำทำอุบายให้ยายพานางมาชมสวน ท้าวก่ำกาดำได้พบนางลุนก็หลงรักนางทันที ท้าวก่ำกาดำมีความสามารถในการเป่าแคนได้ไพเราะ จึงเป่าแคนให้ผู้คนฟัง เสียงเล่าลือว่าท้าวก่ำกาดำเป่าแคนได้ไพเราะไปทั่วเมือง วันหนึ่งท้าวก่ำกาดำได้ถอดรูปกลายเป็นคนร่างงามสง่าไปหานางลุนบอกนางว่ามาจาก เมืองอินทปัฐ และได้นางเป็นเมีย
    เจ้าเมืองฝันว่าช้างมาไล่คนกินอ้อยกล้วยของเมืองจึงให้หมอมาทาย กาดำได้เฝ้ากษัตริย์ เพราะชื่อเสียงว่าเป่าแคนเพราะ กลางคืนกินรีไปหานางและได้ขอแหวนและผ้าสไบมาไว้เป็นที่ระลึก กลับมาบ้านให้ยายไปขอให้ เจ้าเมืองจึงให้ท้าวก่ำกาดำพิสูจน์ว่าสามมารถดูแลธิดาของตนได้ โดยให้สร้างสะพานเงิน สะพานทอง จากบ้านยายไปหาพระราชวัง เมื่อพระอินทร์พระยานาคทรงทราบเรื่องก็ได้แปลงกายลงมาช่วยทำสะพาน ในที่สุดท้าวก่ำกาดำกับนางลุนก็ได้แต่งงานกัน
1.ที่มาและความสำคัญของหนังสือ
          วรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำ เป็นวรรณกรรมอีสานเรื่องหนึ่งที่ชาวอีสานชอบอ่านชอบฟังมาก นักปราชญ์โบราณจาลึกลงในใบลานเป็นตัวอักษรลาว ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ประพันธ์และประพันธ์เมื่อไหร่เหมือนกับวรรณกรรมอีสานหลายๆ เรื่อง แล้วมีการคัดลอกสืบต่อกันมาทางหนังสือ มาจากหนังสือรวมนิทานพื้นบ้านอีสานชุดที่ 4 โดย เตชวโรภิกขุ (อินตา กวีวงศ์)     และมาจากคำนมัสการพระรัตนตรัย ดังต่อไปนี้
          บัดนี้จักได้เล่าพากย์พื้นปางเก่าโบราณเฮา เอานิทานดึกดำบรรพ์มาปั่นแปลลงไว้ จาระนัยเป็นบั้นบทประพันธ์พอได้อ่านพอให้พวกหมู่บ้านหลานหล่อนได้อ่านกลอน พอเป็นบทสะท้อนปางก่อนปฐมกาลเป็นใบลานหนังสือธรรมพร่ำนานมาแล้ว คราวนี้แล้วสมัยเฮารุ่นใหม่ อ่านใบลานบ่อได้เขาเขียนไว้อ่านบ่อเป็น ว่าแม่นเขาเขียนเล่นเป็นมะหล่องหง่องแหง่ง เป็นมะล่องง่องแง่งคือขี้นกเขาเป็นมะลูดปูดเป้าคือแมงเม่าดอมไฟ จักว่าเขียนแนวใดว่าแม่นไผเขียนเล่น เป็นหนังสือลาวพร้อมหนังสือขอมนิดหน่อย โตไทยน้อยกะพ่องนั้นมันโสดยุ่งอยู่กะใจ อ่านบ่อออกบ่ได้มืดตึบปานกำตาคาบ่อมีทางไปโสดฮ่ำไฮ่ทั้งฮ้อง ของโบราณแต่คราวพุ้นคุณเอยอ่านบ่อออก บอกว่ามืดแปดด้านใบลานท่านอ่านจั่งใด ฉันไปค้นพบได้เอามาแต่งนำสมัย เอามาเขียนเป็นตัวไทยให้หมู่เฮาได้เห็นไว้จำเอาสาเด้อไทเฮาให้จำจื่อหนังสือใบลานตั้งแต่กี้เดียวนี้เกือบบ่อมีแล้วเด
2.ประวัติหนังสือ

รวมนิทานพื้นบ้านอีสาน ชุดที่๔
โดยเตชวโรภิกขุ (อินตา กวีวงศ์) ประกอบด้วย
 นิทานท้าวผาแดงนางไอ่
 นิทานท้าวก่ำกาดำ
 นิทานท้าวกาฬะเกษ
จัดพิมพ์และจำหน่ายที่
บริษัท ขอนแก่น คลังนานาธรรม จำกัด
161/6-.กลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
โทร. (043) 221346, 221591, แฟกซ์ 223482
(สงวนลิขสิทธ์) ISBN : 974-90539-/-3

รวมนิทานพื้นบ้านอีสาน (ชุดที่ ๔)
       
          
            ISBN     947-90539-2-3
พ.ศ. 2544
จัดพิมพ์จำหน่ายและเผยแพร่โดย
บริษัท ขอนแก่น คลังนานาธรรม จำกัด
โทร 043-328190
พิมพ์ที่  หจก. โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา
โทร. 043-328589-91
สงวนลิขสิทธิ์
บทที่ 2
การวิเคราะห์ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรม เรื่องท้าวก่ำกาดำ
1.ชื่อเรื่องมาจากอะไร
         ชื่อเรื่องของวรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน ในเรื่องท้าวก่ำกาดำ มีการเอาชื่อของตัวละครเอกของเรื่อง ที่เป็นพระเอกของเรื่องมาตั้งเป็นชื่อของวรรณกรรม
2.แก่นเรื่อง
        เกี่ยวกับบาป บุญ คุณโทษ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
3.โครงเรื่อง
การเปิดเรื่อง

        เป็นการเล่าถึงชาวนาคู่หนึ่งที่อยากมีลูกน้อยไว้เลี้ยงดูยามแก่ จึงได้ไปขอพรจากองค์เทพ
การดำเนินเรื่อง
-ต่อมานางหล่าน้อยก็ได้ตั้งครรภ์และได้คลอดบุตรออกมาเป็นบุตรชายคือท้าวก่ำกา
-ท้าวก่ำกาดำเป็นคนที่มีบุญบารมีมากแต่ยังมีกรรมต้องชดใช้จึงเกิดมาเนื้อตัวดำเหมือนอีกา เป็นที่น่ารังเกียจของทุกคนแม้แต่แม่ของตัวเอง
-เมื่อเวลาผ่านมาได้สามปีนางหล่าน้อยได้นำลูกของตัวเองไปลอยแพ 
-แพได้นำท้าวก่ำกาดำมายังเมืองเมียท้าว และได้นางยายย่าอัยกาเป็นคนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
-ท้าวก่ำกาดำได้พบกับนางนาถนางลุนก็ตกหลุมรักทันที
-ฝ่ายราชาเมืองได้ทราบว่าท้าวก่ำกาดำรักลูกของตนจึงให้ท้าวก่ำกาดำพิสูจน์ตนเองว่าคู่ควรกับลูกของตนหรือไม่ โดยให้สร้างปราสาทที่เต็มไปด้วยเงินและทอง
-การปิดเรื่อง ท้าวก่ำกาดำสร้างปราสาทได้สำเร็จและได้ครองรักกับนางนาถนางลุนอย่างมีความสุข
4.ตัวละคร
ตัวละครหลัก
1.ท้าวก่ำกาดำ
-ชาติกำเนิด ชาติก่อนเป็นเทพกินรีอยู่บนสวรรค์ แต่เมื่อบุญหมดก็ได้ลงมาเกิดที่โลกมนุษย์ เป็นบุตรของชาวนายากจนคู่หนึ่ง
-ลักษณะนิสัย มีความกตัญญูรู้คุณ รู้จักทดแทนคุณบิดามารดาและผู้มีพระคุณ
2.นาถนางลุน
-ชาติกำเนิด เป็นธิดาเมืองเมียท้าว
-ลักษณะนิสัย เป็นหญิงรูปงาม มีนิสัยอ่อนโยนชอบดอกไม้
3.ยายนางย่า
-ชาติกำเนิด เป็นคนดูแลสวนดอกไม้ของนางลุน และเป็นคนเลี้ยงดูท้าวก่ำกาดำ
-ลักษณะนิสัย เป็นคนใจดี
ตัวละครรอง
1.เจ้าเมืองเมืองเมียท้าว
2.พ่อของท้าวก่ำกาดำ
3.แม่ของท้าวก่ำกาดำ
4.เทวะราชอินตา
5.ภาษา
นิทานพื้นบ้านเรื่องท้าวก่ำกาดำ ในหนังสือเล่มที่ยกมาการใช้ภาษาจะแต่งเป็นคำกลอนโบราณอีสาน ฉันทลักษณ์ที่ใช้จะเป็นภาษาอีสานมีสัมผัสสระและพยัญชนะเพื่อทำให้เกิดความคล้องจอง ไพเราะและทำให้ผู้อ่านเกิดความคล้อยตามเน้นการใช้ภาษาอีสาน เพราะเป็นวรรณกรรมอีสานเป็นหนังสือที่เหมาะแก่ผู้อ่านทั่วๆไปเพื่อความสนุกสนาน อ่านแล้วทำให้ฉุดคิด มีคติสอนใจ ไม่ว่าจะเป็นคติทางโลกและทางธรรม เป็นหนังสือที่ใช้ภาษาอีสานได้ไพเราะมาก
6.ฉาก/สถานที่
-ฉากหลัก
-ท้องทุ่ง/ชุมชน ที่เกิดของท้าวก่ำกาดำที่เกิดมามีรูปกายด่ำ เป็นที่รังเกียจของทุกๆคนแม้แต่แม่ของตัวเอง ทำให้ถูกนำไปทิ้งลอยแพ
- เมืองเมียท้าว เมืองที่ท้าวก่ำกาดำได้มาอาศัยอยู่และได้พบรักกับนางลุน
-สวนดอกไม้ สถานที่พบกันของท้าวกาดำกับนางลุน
-ฉากรอง
-ฉากลอยแพ ท้าวก่ำกาดำถูกแม่นำมาทิ้งโดยใส่แพให้ลอยไปตามสายน้ำ

บทที่ 3
ความโดดเด่นของโครงเรื่อง
ความโดดเด่นของโครงเรื่องท้าวก่ำกาดำ
- ในหนังสือที่ยกมานี้ใช้ภาษาถิ่นผสมกับภาษาไทยในปัจจุบันเพื่อให้ผู้อ่าน อ่านเข้าใจและไม่ทำให้การตีความหมายยุ่งยากจนเกินไป
 - ใช้รูปแบบคำประพันธ์คำกลอนโบราญอีสาน ส่วนใหญ่เป็นร้อยกรองที่มีลีลาสัมผัสกันให้แต่ละวรรคทำให้ผู้อ่านเกิดความไพเราะ พร้อมทั้งสอดแทรกคติเตือนใจ ยกตัวอย่างนิทานคำกลอน ดังนี้
          “…….บัดนี้จักกล่าวเถิงท้าวบุตราตนประเสริฐ แพก็ไหลล่องน้ำพาท้าวด่วนไป เจ็ดวันได้เจ็ดคืนคราวล่วงไปแหล่ว แพจึงไปจอดยั้งคาแก้งหาดทราย หลายวันได้หลายเดือนอึดอยาก แพมาจอดอยู่ค้างคาแก้งบ่อไป ท้าวก็ได้มีแต่ทุกข์ทรมาน อาหารกินก็บ่อมียาท้องคองแต่แพสิพาย้ายกลายไปทางใหม่ ได้สามเดือนล่วงเข้าแพหากบ่อไป เมื่อนั้นก็จึงฮ้อนฮอดไท้ตนพ่อพระอินทา พระก็มองลงมาโลกคนภายใต้มองลงไปเห็นท้าวกินนะรีทวยเทพ กำลังติดอยู่ค้างกลางน้ำหาดทราย ท้าวก็ไปบ่อได้อดอยากอาหาร เถิงสามเดือนกะบ่อไปไสได้ จึงได้จัดการให้เทวดาองค์ก่ำ ชื่อว่าเทพกาดำให้ลงมาซ่อยท้าวคราวนั้นแม่นบ่อนาน…………….” 
บทที่ 4
การนำไปประยุกต์ใช้
วรรณกรรมอีสานเรื่อง ท้าวก่ำกาดำ
แสดงสดลำเรื่องต่อกลอนทำนองอุบล เรื่อง ท้าวก่ำกาดำ คณะ โขง ชี มูล นำโดย สินชัยน้อย ภูมิมาลา แสดงที่บ้าน กุดปลาค้าว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์

บทที่ 
สรุปแผนภาพอินโฟกราฟฟิค
นิทานวรรณกรรมอีสานเรื่อง ท้าวก่ำกาดำ
นางสาวสุธิดา จันทะรา ชั้นปีที่ ๓ หมู่ที่๑ รหัส๕๗๒๑๐๔๐๖๑๐๘



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น